วิธีทำให้ลูกทิ้งมือถือและหันมาสนุกกับการเรียนรู้อย่างเต็มใจ

เมื่อการเรียนออนไลน์ที่ถูกนำมาในช่วงนี้ เด็ก ๆ มักใช้โทรศัพท์มือถือหรือแทบเล็ตกันนานกว่าปกติ (ทั้งที่ปกติก็เล่นเกมมือถือกันเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว) ดังนั้น จะทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนความสนใจของเด็ก ๆ ให้หันมาสนุกกับการเรียนรู้ในยามว่าง บทความนี้ เราจึงควรทำความรู้จักกับการเรียนรู้ในแบบ STEM ซึ่งกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นโดยเฉพาะในโรงเรียน แต่ทักษะนี้ไม่จำเป็นว่าเด็ก ๆ จะต้องไปเรียนรู้จากโรงเรียนเท่านั้น เพราะคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองถึงแม้ไม่ได้เป็นครูอาจารย์แต่ก็สามารถกระตุ้นให้เด็กสนใจเรียนรู้ในศาสตร์นี้ได้แบบง่าย ๆ โดยที่เขาทั้งสนุกและเต็มใจ STEM เป็นสาขาสหวิทยาการที่ประกอบด้วย

  • วิทยาศาสตร์ (Science)  
  • เทคโนโลยี (Technology)
  • วิศวกรรม (Engineering)
  • คณิตศาสตร์ (Mathematic)
  • ศิลปะ (Art) ซึ่งเพิ่งจะเพิ่มเข้ามา (และเปลี่ยนเป็น STEAM)

การเรียนรู้ในแบบ STE(A)M จึงเป็นการเรียนรู้ภายใต้ความเชื่อมโยงสัมพันธ์ พึ่งพาซึ่งกันและกันของศาสตร์ทั้ง 5 ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น ถึงแม้องค์ประกอบสำคัญทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนก็ตาม เรื่องของ STEM จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเด็กเลย หากเราสามารถทำให้ลูก ๆ ของเราสนุก และเต็มใจที่จะเรียนรู้ โพสนี้เรามี 7 กิจกรรม ดี ๆ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถนำไปใช้กับเด็ก ๆ  เพื่อให้ลูกของเราละจากโทรศัพท์มือถือและหันมาสนุกกับการเรียนรู้นอกตำรา

1. Field trips (ทัศนศึกษา)

แหล่งเรียนรู้ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ จะมีข้อมูล มีแบบจำลองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ไว้ให้เด็ก ๆ ได้สนุกและเรียนรู้ ดังนั้น นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ปกครองที่จะพาเด็ก ๆ เข้าสู่โลกของ STEM ได้แบบสนุก ๆ ตื่นตาตื่นใจ สถานที่ทัศนศึกษาไม่ได้จำกัดเพียงแค่พิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งแหล่งธรรมชาติ โบราณสถาน วัดวาอาราม สวนสนุก ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีสิ่งที่สามารถสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

2. Art and DIY projects

การทำงานศิลปะหรืองาน DIY ไม่ได้มีแค่ประโยชน์ในแง่ความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์อย่างเดียว แต่ในอีกมิติหนึ่ง การผสมสีเพื่อระบายภาพ การติดกาววัสดุบางชนิดที่แตกต่างกัน หรือการออกแบบของเล่นเหล่านี้จะอธิบายเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดีว่าวิทยาศาสตร์และศิลปะเกี่ยวข้องกันอย่างแนบแน่น

3. Experimenting (การทดลอง)

มีแหล่งข้อมูลสำหรับการทดลองทางวิทยาศาสตร์แบบง่าย ๆ จากที่บ้านมากมายโดยเวปไซต์ต่าง ๆ หรือ คลิกที่นี่ ผู้ปกครองอาจใช้เวลาว่างในวันพักผ่อนที่บ้านกับลูก ๆ โดยค้นหาการทดลองแบบสนุก ๆ จากวัสดุอุปกรณ์ที่มีภายในบ้านมาทำการทดลองกับเด็ก ๆ

4. การเรียนรู้จากต้นแบบ STEM เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

หลักการเดียวกับที่เด็ก ๆ หลงใหลใน Hero อย่างกัปตันอเมริกา ไอรอนแมน ฮีไร่ตัวไหนก็ตาม แต่ Hero ในทาง STEM ที่ผู้ปกครองควรจะนำมาให้เด็ก ๆ ได้เห็นผลงาน หรือได้ติดตามบ่อย ๆ ก็คือ บุคคลที่สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียง หรือจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่ค้นพบกฎต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม หรือจะเป็นเด็ก ๆ ที่ประดิษฐ์หุ่นยนต์  หรือสร้างผลงานศิลปะได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นต้น

5. สร้างความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ STEM กับโลกแห่งความจริง

STEM จะไม่ใช่อะไรเลย หากไม่ได้เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับโลกแห่งความเป็นจริงในความเป็นจริงลักษณะสหวิทยาการสะท้อนให้เห็นว่าโลกแห่งความเป็นจริงทำงานอย่างไรและเชื่อมโยงกัน ความอยากรู้อยากเห็นและการสังเกตคือสิ่งที่จะไปถึงที่นั่นดังนั้นช่วยพวกเขาเชื่อมโยงจุดต่างๆระหว่างสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้กับคุณและวิธีการทำงานของโลก อธิบายว่าคุณสมบัติและปรากฏการณ์ทางกายภาพเกิดขึ้นในธรรมชาติได้อย่างไร (แรงโน้มถ่วงการเคลื่อนที่มวลสถานะของสสาร) และบอกให้รู้ว่าพวกมันถูกค้นพบได้อย่างไร (เช่นแอปเปิ้ลของนิวตัน) แสดงให้พวกเขาเห็นว่ามดเป็นวิศวกรได้อย่างไร ธรรมชาติเป็นศิลปินที่ชาญฉลาดเพียงใด

6. เปลี่ยนแนวของเล่นแบบเดิม ๆ มาเป็นแนวเทคโนโลยี

ของเล่นแนวเทคโนโลยีเช่น ชุดอุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์อย่างง่าย ชุดสร้างหุ่นยนต์ ชุดประกอบบล็อคที่สามารถควบคุมด้วยรีโมท หรือบล็อคที่สามารถเขียนโปรแกรมลงไปได้ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีมากมายหลายรูปแบบโดยเฉพาะในร้านจำน่ายสื่อการศึกษา ของเล่นเหล่านี้นอกจากจะจูงใจเด็กได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยให้เกิดกระบวนการคิดและแก้ปัญหาในขณะเล่นอีกด้วย นับว่าของเล่นแนวนี้เป็นตัวช่วยบูรณาการการเรียนรู้ครบทุกด้านของ STEM ได้อย่างดีเยี่ยม แหล่งของเล่น Coding ที่แนะนำ คลิก

7. STEM summer camp 

การเข้าค่ายกิจกรรมสนุก ๆ อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะในยุคโรคระบาด แต่ในสภาวะปกติแล้ว การเข้าร่วมค่ายกิจกรรมนับเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับเด็ก ๆ เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานจากวิทยากรผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญโดยตรงแล้ว เด็กๆ ยังจะได้ประสบการณ์ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม การรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น ตลอดจนได้เพื่อนที่มีความชอบคล้ายคลึงกันอีกด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *